วันอังคารที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2554

Bill Of Exchange

Bill of Exchange

ตั๋วแลกเงิน (Bill of Exchange) คือ ตราสารทางการเงินที่ออกโดยธนาคารพาณิชย์ เพื่อระดมเงินฝากจากประชาชนซึ่งเป็นลักษณะกู้ยืมเงินจากประชาชน ผู้ลงทุนในตั๋วแลกเงินของธนาคารจะมีฐานะเป็นเจ้าหนี้ของธนาคาร โดยสถาบันคุ้มครองเงินฝากไม่ได้ให้การค้ำประกันเงินต้นและดอกเบี้ยของตั๋วแลกเงิน   

ลักษณะบริการ
·         ตั๋วแลกเงิน (Bill of Exchange) คือ ตราสารทางการเงินที่ออกโดยธนาคารพาณิชย์ เพื่อระดมเงินฝากจากประชาชนซึ่งเป็นลักษณะกู้ยืมเงินจากประชาชน
·         ผู้ลงทุนในตั๋วแลกเงินของธนาคารจะมีฐานะเป็นเจ้าหนี้ของธนาคาร โดยสถาบันคุ้มครองเงินฝากไม่ได้ให้การค้ำประกันเงินต้นและดอกเบี้ยของตั๋วแลกเงิน   
ลักษณะตั๋วแลกเงิน     
มีลักษณะเป็นคำสั่งให้จ่ายเงินเพราะผู้ออกตราสารเป็นผู้สั่งให้ผู้อื่นจ่ายเงินแก่ตนหรือบุคคลอื่นใดตามคำสั่งของตน ตามความหมายทางกฎหมาย ตั๋วแลกเงิน คือหนังสือหรือตราสารซึ่งบุคคลหนึ่งเรียกว่าผู้สั่งจ่าย สั่งบุคคลหนึ่งเรียกว่า ผู้จ่าย ให้ใช้เงินจำนวนหนึ่งแก่บุคคลหนึ่ง หรือใช้ตามคำสั่งของบุคคลหนึ่งซึ่งเรียกว่าผู้รับเงินตามความหมายนี้ ผู้ออกตั๋วคือเจ้าหนี้สั่งให้ลูกหนี้จ่ายเงิน ซึ่งตรงข้ามกับตั๋วสัญญาใช้เงินที่ลูกหนี้เป็นผู้ออกตั๋วและสัญญาจะจ่ายเงิน โดยที่ตั๋วแลกเงินออกโดยเจ้าหนี้ ดังนั้น เจ้าหนี้จึงจำเป็นต้องให้ลูกหนี้รับรองตั๋ว ( acceptance ) เสียก่อนจึงจะมีผลบังคับตามกฎหมายได้ ตั๋วแลกเงินจะต้องบรรจุข้อความตามที่กฎหมายระบุไว้ให้ครบถ้วนจึงจะเป็นตั๋วแลกเงินที่สมบูรณ์
 ตั๋วแลกเงินมีทั้งตั๋วแลกเงินในประเทศ ( domestic bills of exchange )และตั๋วแลกเงินต่างประเทศ (foreign bills of exchange ) ซึ่งใช้ในการค้าระหว่างประเทศ แบ่งได้ 2 ชนิด คือ trade bills และ bank bills แตกต่างกันคือ trade bills คือ ตั๋วแลกเงินจากพ่อค้าหรือเอกชน bank bills คือ ตั๋วแลกเงินซึ่งเรียกเก็บเงินจากธนาคาร การที่ธนาคารเข้ามาเกี่ยวข้องเป็นผู้จ่ายเงินตามตั่วส่วนมากเนื่องจากพ่อค้าขออร้องให้ธนาคารเปิด letter of credit เพื่อสั่งสินค้าจากต่างประเทศเข้ามาขาย เมื่อพ่อค้าได้ส่งสินค้าลงเรือเรียบร้อยแล้วก็จะเรียกเก็บเงินค่าสินค้าธนาคารที่เปิด ( letter of credit ) ตั๋วแลกเงินที่ออกโดยธนาคารหนึ่งสั่งให้อีกธนาคารหนึ่งจ่ายเงิน เรียกว่า ดราฟท์ธนาคาร ( bank draft ) โดยปกติ ดราฟท์ธนาคารจะมีลักษณะเป็นการจ่ายเงินเมื่อทวงถาม ( payable on demand )

อัตราดอกเบี้ย / ค่าธรรมเนียม
·         อัตราดอกเบี้ยตั๋วแลกเงินตามประกาศธนาคาร
·         ตั๋วแลกเงินทุกประเภท ธนาคารชำระดอกเบี้ยเมื่อครบกำหนด ตามที่ระบุไว้ในตั๋วแลกเงิน  ยกเว้นตั๋วแลกเงินประเภท 36 เดือน ชำระดอกเบี้ยแบบรายเดือน และธนาคารจะหักภาษี ณ ที่จ่าย ตามเงื่อนไขของกรมสรรพกร
·         กรณีไถ่ถอนก่อนครบกำหนดได้รับดอกเบี้ยตามประกาศอัตราดอกเบี้ยเงินฝากออมทรัพย์ทั่วไป ณ วันที่ธนาคาร
เงื่อนไขการใช้บริการ
·         การซื้อตั๋วแลกเงินแต่ละฉบับต้องมีมูลค่าไม่ต่ำกว่า 500,000 บาท และส่วนที่เกินกว่า 500,000 บาทต้องเป็นจำนวนทวีคูณของ 10,000 บาท
·         ลูกค้าต้องมีบัญชีเงินฝากออมทรัพย์กับธนาคาร เพื่อการโอนเงินต้นและ/หรือดอกเบี้ยของตั๋วแลกเงินเมื่อถึงวันครบกำหนด ตามที่ระบุไว้ในใบคำขอซื้อตั๋วแลกเงิน

http://www.panyathai.or.th/

วันจันทร์ที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2554

Letter of credit


เลตเตอร์ออฟเครดิต (Letter of Credit หรือ L/C) หมายความว่า เป็นเอกสารหรือคำสั่งที่ออกโดยธนาคารหนึ่งหรือบุคคลหนึ่ง ณ ที่หนึ่งให้ธนาคารหรือบุคคลอื่นที่จ่าหน้าถึง ณ ที่อีกแห่งหนึ่งจ่ายเงินจำนวนหนึ่งแก่บุคคลที่ระบุไว้ เงินที่จ่ายไปนั้นจะเรียกคืนได้จากผู้เปิดเลตเตอร์ออฟเครดิต
        การชำระเงินโดยเลตเตอร์ออฟเครดิตนี้เป็นวิธีการที่ผู้ซื้อสินค้าได้ตกลงกับธนาคารของตน (Opening Bank) ให้ออกเลตเตอร์ออฟเครดิตให้กับผู้ขายสินค้า โดยธนาคารตกลงจะจ่ายเงินให้กับผู้ขายตามจำนวนที่ระบุภายใต้เงื่อนไขที่ว่า ผู้ขายจะต้องดำเนินการให้เป็นไปตามข้อกำหนดในเลตเตอร์ออฟเครดิตนั้น
การเปิดเลตเตอร์ออฟเครดิต (Letter of Credit)
        การส่งสินค้า L/C จะช่วยให้เกิดความมั่นใจทั้งผู้ซื้อและผู้ขาย ที่นิยมใช้กันแพร่หลายมี 2 ชนิดคือ
  • เลตเตอร์ออฟเครดิตประเภทเพิกถอนได้ ผู้เกี่ยวข้องสามารถยกเลิกหรือเปลี่ยนแปลงเงื่อนไข ได้ทุกเวลา แต่ต้องก่อนที่จะมีการรับซื้อเอกสารนั้น
  • เลตเตอร์ออฟเครดิตประเภทเพิกถอนไม่ได้ธนาคารผู้เปิด L/C มีพันธะผูกพันแน่นอน ตาม L/C ที่เปิดจะเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขไม่ได้นอกจากจะได้รับการยินยอม

 การขายแบบ Letter of Credit (L/C) หรือเลตเตอร์ออฟเครดิตทางการค้า
        หมายถึง ตราสารที่ธนาคารผู้เปิด L/C เป็นผู้ออกโดยคำสั่งของผู้ซื้อ เพื่อแจ้งไปยังผู้ขายผ่านทางธนาคาร ตัวแทนเป็นการยืนยันว่าเมื่อผู้ขายปฏิบัติตามเงื่อนไขที่ระบุไว้ใน L/C ถูกต้องครบถ้วนแล้วธนาคารผู้เปิด L/C จะชำระเงินให้แก่ผู้ขาย
Vสาเหตุที่ผู้ส่งออกนิยมใช้วิธีนี้ก็เพราะ ผู้ซื้อมีความมั่นใจว่าถ้าสั่งซื้อสินค้าด้วยการเปิด L/C ไปให้ผู้ขายแล้วผู้ขายจะจัดส่งสินค้าไปให้ครบถ้วนตามเงื่อนไขที่ระบุไว้ใน L/C ทุกประการ หากผู้ขายไม่ปฏิบัติตามข้อตกลงที่กำหนดไว้ใน L/C ธนาคารก็จะเป็นผู้รับผิดชอบในการติดต่อประณีประนอม หรือฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายที่เกิดขึ้นจากผู้ขายได้
        ส่วนผู้ขายเองก็มีความมั่นใจในการส่งสินค้าออกเช่นเดียวกัน เพราะหลังจากที่ส่งสินค้าไปให้ผู้ซื้อแล้วและจัดทำเอกสารส่งออกให้ครบและถูกต้องก็จะสามารถไปรับเงินจากธนาคารในประเทศของผู้ขายได้ทันที
        ขั้นตอนในการเปิด L/C นั้น เริ่มจากภายหลังการตกลงซื้อขายสินค้าระหว่างผู้ซื้อและผู้ขายเรียบร้อยแล้ว ผู้ซื้อต้องมาติดต่อกับธนาคารของตนเพื่อขอเปิด L/C ธนาคารจะดำเนินการให้เฉพาะลูกค้าที่มีวงเงินสินเชื่อหรือหาผู้ซื้อไม่มีวงเงิน ธนาคารอาจขอให้จ่ายค่ามัดจำค่าสินค้าล่วงหน้าก่อน แล้วจึงเปิด L/C ให้ ธนาคารในประเทศผู้ซื้อที่เปิด L/C เรียกว่า ธนาคารผู้เปิด L/C โดยผ่านธนาคารตัวแทนในประเทศผู้ขาย เรียกว่า ธนาคารผู้แจ้งการเปิด L/C เมื่อผู้ขายได้รับ L/C แล้วต้องตรวจสอบว่า L/C เป็นไปตามที่ตกลงกันไว้หรือไม่ หากถูกต้องผู้ขายสามารถดำเนินการส่งสินค้าออกได้ทันที โดยนำสินค้าของตนไปส่งให้กับบริษัทขนส่ง หรือบริษัทผู้รับขนส่งสินค้า หรือขึ้นเครื่องบินเพื่อจัดส่งไปให้ผู้ซื้อ ผู้ขายจะได้รับในตราส่งสินค้าจากบริษัทขนส่งเพื่อแสดงว่าได้รับสินค้าบรรทุกลงเรือหรือขึ้นเครื่องบินแล้ว
        หลังจากนั้น ผู้ขายจะจัดทำใบกำกับสินค้า ตั๋วแลกเงินและเอกสารอื่น ๆ ซึ่งเรียกว่าเอกสารการส่งออกนำมาขอขึ้นเงินกับธนาคารตามเงื่อนไขใน L/C โดยผู้ขายจะต้องปฏิบัติถูกต้องตามเงื่อนไขใน L/C ทุกประการ ธนาคารผู้รับซื้อตั๋วจะชำระเงินทันทีในกรณีเป็นตั๋วจ่ายเงินเมื่อเห็น หรือจ่ายเงินเมื่อครบกำหนดตามที่ L/C ระบุ และขอรับเงินหรือหักบัญชีของธนาคารผู้เปิด L/C ด้วย หลังจากนั้นจึงส่งเอกสารทั้งหมดมายังธนาคารผู้เปิด L/C เพื่อเรียกเก็บจากผู้ซื้อพร้อมทั้งส่งมอบเอกสารการส่งออกให้กับผู้ซื้อเพื่อทำการออกสินค้าต่อไป
การชำระเงินโดยวิธีเลตเตอร์ออฟเครดิต (Letter Of Credit)
        เป็นวิธีการชำระเงินที่ธนาคารเข้ามามีบทบาทในการให้ความมั่นใจแก่ผู้ขายว่าเมื่อผู้ขายส่งมอบสินค้าให้แก่ผู้ซื้อแล้วและนำเอกสารเกี่ยวกับการส่งสินค้า (Shipping Documints)ที่ถูกต้องตามที่ระบุในเงื่อนไขของเลตเตอร์ออฟเครดิตเดิมมายื่นให้ธนาคาร ธนาคารก็จะชำระหนี้ตามเลตเตอร์ออฟเครดิตซึ่งเป็นสัญญาอีกฉบับหนึ่งแยกต่างหากจากสัญญาซื้อขายสินค้า ตามสัญญาเลตเตอร์ออฟเครดิตนั้นธนาคารผู้ออกเลตเตอร์ออฟเครดิต (Issuing Bank) เข้ารับภาระที่จะชำระเงินให้ผู้ขายซึ่งเป็นผู้รับประโยชน์ (Beneficiary)ตามเลตเตอร์ออฟเครดิต หากผู้ขายปฏิบัติตามถูกต้องครบถ้วนตามเงื่อนไขที่ระบุในเลตเตอร์ออฟเครดิต ทั้งนี้เป็นไปตามเงื่อนไขที่ระบุไว้ในคำขอเปิดเลตเตอร์ออฟเครดิต (Application for the Credit) ของผู้ซื้อซึ่งเป็นผู้ขอเปิดเลตเตอร์ออฟเครดิต (Applicant) ต่อธนาคารผู้ออกเลตเตอร์ออฟเครดิต นอกจากนี้ธนาคารผู้ออกเลตเตอร์ออฟเครดิตยังเข้ารับภาระต่อผู้ขอเปิดเลตเตอร์ออฟเครดิตในการทำการตรวจเอกสารเกี่ยวกับสินค้า(Shipping Document)ว่าถูกต้องครบถ้วนตามที่ระบุในเงื่อนไขของเลตเตอร์ออฟเครดิตหรือไม่หากตรวจสอบแล้วเห็นว่าถูกต้องก็จะดำเนินการชำระเงินตามเลตเตอร์ออฟเครดิตให้แก่ผู้รับประโยชน์ตามเลตเตอร์ออฟเครดิต
หลักสำคัญของสัญญาเลตเตอร์ออฟเครดิต มีดังนี้ คือ
        1.สัญญาเลตเตอร์ออฟเครดิตเป็นสัญญาแยกต่างหากจากสัญญาซื้อขายหรือสัญญาอื่นที่เป็นเหตุให้มีการทำสัญญาเลตเตอร์ออฟเครดิตธนาคารผู้เปิดเลตเตอร์ออฟเครดิตจะไม่เกี่ยวข้องหรือผูกพันกับสัญญาซื้อขายหรือสัญญาอื่นดังกล่าว แม้จะมีการอ้างถึงสัญญาดังกล่าวนั้นในเครดิตก็ตาม ดังนั้นการเข้ารับภาระของธนาคารผู้เปิดเครดิตในอันที่จะชำระเงินรับรองและชำระเงินตามตั๋วแลกเงินหรือเจรจาซื้อตั๋วแลกเงินหรือปฏิบัติการชำระหนี้อื่นใดตามเลตเตอร์ออฟเครดิตจะไม่ขึ้นอยู่กับสิทธิเรียกร้องหรือข้อต่อสู้ของผู้ของผู้ขอเปิดเครดิตอันสืบเนื่องมาจากความสัมพันธ์ของผู้ขอเปิดเครดิตที่มีต่อธนาคารผู้เปิดเครดิตหรือผู้รับประโยชน์ถึงแม้ผู้ซื้อซึ่งเป็นผู้ขอเปิดเครดิตจะปฏิเสธไม่ยอมชำระเงินตามเลตเตอร์ออฟเครดิตโดยอ้างเหตุว่าสินค้าหายหรือไม่ตรงตามที่ตกลงในสัญญาซื้อขายก็ตามธนาคารผู้เปิดเครดิตก็ยังมีหน้าที่ชำระเงินรับรองและชำระเงินตามตั๋วแลกเงินหรือเจรจาซื้อตั๋วแลกเงินหรือปฏิบัติการชำระหนี้อื่นใดตามเลตเตอร์ออฟเครดิตตราบใดที่ผู้รับประโยชน์ตามเลตเตอร์ออฟเครดิตปฏิบัติถูกต้องครบถ้วนตามเงื่อนไขที่ระบุในเลตเตอร์ออฟเครดิต
        2. ในคำขอเปิดเลตเตอร์ออฟเครดิตตัวเลตเตอร์ออฟเครดิตเองและบางกรณีคำสั่งให้แก่เลตเตอร์ออฟเครดิตรวมทั้งการแก้ไขเลตเตอร์ออฟเครดิตจะต้องระบุโดยชัดแจ้งถึงเอกสารที่จะต้องเสนอ เพื่อให้มีการชำระเงินรับรอง หรือเจรจาซื้อตั๋วแลกเงิน ธนาคารมีหน้าที่ตรวจสอบเอกสารที่ระบุไว้ในเครดิต โดยใช้ความระมัดระวังตามสมควรเพื่อให้แน่ใจว่าข้อความที่ปรากฏในเอกสารนั้นถูกต้องตามข้อตกลงและเงื่อนไขของเครดิต
        3. ข้อยกเว้นขอหลักที่กล่าวถึงข้างต้นมีอยู่ประการเดียวคือ กรณีฉ้อฉลซึ่งหากเกิดกรณีฉ้อฉลขึ้นธนาคารผู้เปิดเครดิตและธนาคารผู้ยืนยันเครดิตจะต้องปฏิเสธไม่ชำระหนี้ตามเครดิตชนิดของเลตเตอร์ออฟเครดิต อาจแบ่งแยกได้เป็น 4 ชนิด คือ
        1. เครดิตชนิดเพิกถอนได้ (Revocable Credit) หมายถึงเครดิตที่ธนาคารผู้ออกเครดิตสามารถแก้ไขหรือยกเลิกได้ทุกเวลาโดยไม่ต้องบอกกล่าวล่วงหน้าให้ผู้รับประโยชน์ทราบ ทั้งนี้มีเงื่อนไขว่าธนาคารผู้เปิดเครดิตจะต้อง
        1.1ชดใช้ให้แก่ธนาคารอื่นหากธนาคารอื่นนั้นได้ทำการชำระเงินรับรองหรือเจรจาซื้อตั๋วแลกเงินเมื่อได้รับเอกสารซึ่งมีข้อความที่ปรากฏถูกต้องตามที่ระบุในข้อตกลงและเงื่อนไขของเครดิตและเครดิตชนิดเพิกถอนได้นั้นกำหนดเป็นเงื่อนไขให้ชำระเงินทันทีที่ได้เห็นรับรองหรือเจรจาซื้อตั๋วแลกเงินได้ ทั้งนี้ธนาคารอื่นนั้นได้ชำระรับรองหรือซื้อตั๋วแลกเงินก่อนที่จะได้รับแจ้งจากธนาคารผู้เปิดเครดิตถึงการยกเลิกเครดิต
        1.2 ชดใช้ให้ธนาคารอื่นหากธนาคารอื่นนั้นได้รับเอกสารซึ่งมีข้อความที่ปรากฏถูกต้องครบถ้วนตรงตามที่ระบุในข้อตกลงและเงื่อนไขของเครดิตและเครดิตชนิดเพิกถอนได้นั้นกำหนดเป็นเงื่อนไขให้ชำระเงินในวันหนึ่งวันใดตามที่ระบุไว้ในอนาคตได้ ทั้งนี้โดยธนาคารอื่นนั้นได้รับเอกสารไว้ก่อนที่จะได้รับแจ้งจากธนาคารผู้เปิดเครดิตถึงการแก้ไขหรือการยกเลิกเครดิต
        2. เครดิตชนิดเพิกถอนไม่ได้ (Irrevocable Credit) เป็นเครดิตที่ธนาคารผู้เปิดเครดิตเข้ารับภาระที่แน่นอนในอันที่จะชำระหนี้ตามเครดิตทั้งนี้ โดยมีเงื่อนไขว่า มีการเสนอเอกสารที่ระบุไว้ให้แก่ธนาคารผู้ได้รับมอบหมาย หรือธนาคารผู้เปิดเครดิตและได้มีการปฏิบัติถูกต้องครบถ้วนตามข้อตกลงและเงื่อนไขที่ระบุไว้ในเครดิตแล้วธนาคารผู้เปิดเครดิตจะทำการชำระหนี้ตามเครดิตต่อไป
        3. เครดิตชนิดยื่นยัน (Confirmed Credit)คือเครดิตที่ธนาคารอื่นยืนยันเครดิตชนิดเพิกถอนไม่ได้ เมื่อมีการให้อำนาจโดยหรือตามคำร้องขอของธนาคารผู้เปิดเครดิตซึ่งถือว่าเป็นการเข้ารับภาระที่แน่นอนของธนาคารผู้ยืนยันเครดิตเพิ่มขึ้นจากหนี้หรือหน้าที่รับผิดชอบของธนาคารผู้เปิดเครดิตนั้นที่จะชำระหนี้ ทั้งหนี้โดยมีเงื่อนไขว่ามีการเสนอเอกสารที่ระบุไว้ให้แก่ธนาคารผู้เปิดเครดิตหรือธนาคารผู้ได้รับมอบหมายใดๆ และได้มีการปฏิบัติถูกต้องครบถ้วนตามข้อตกลงและเงื่อนไขที่ระบุไว้ในเครดิตแล้ว
        4. เครดิตชนิดไม่ยืนยัน (Unconfirmed Credit) เครดิตชนิดนี้ธนาคารในประเทศผู้ขาย (ธนาคารผู้แจ้งเครดิต) เพียงแต่แจ้งเครดิตให้ผู้รับประโยชน์เท่านั้นจึงไม่เข้าไปยืนยันเครดิตฉบับนั้นด้วยเครดิตประเภทนี้ธนาคารผู้แจ้งเครดิตจึงไม่มีความรับผิดชอบใดๆ


วันอังคารที่ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2554

International Organization

องค์การระหว่างประเทศ

IOM = International  Organization for Migration
            องค์กรระหว่างประเทศสำหรับการโยกย้าย

ILO = International Labour Organization
            องค์การแรงงานระหว่างประเทศ

FAO = Food and Agriculture Organization
            องค์การอาหารและเกษตรแห่งประชาชาติ

OICA = International  Organization Of  Motor vehicle Manufacturers
              องค์กรระหว่างประเทศของมอเตอร์ผู้ผลิตยานยนต์

EAC = Eastern African Community
             ประชาคมแอฟริกาตะวันออก

CACM = Central American Common Market
              กลุ่มตลาดร่วมอเมริกากลาง

KBE  =  Knowledge - Based Economy
             การพัฒนาเศรษฐกิจบนพื้นฐานของการพัฒนาความรู้

CIF = Cost, Insurance  and  Freight
           มูลค่าสินค้าที่คำนวณ ณ แหล่งซื้อเป็นมูลค่าสินค้าเข้าซึ่งรวมต้นทุนสินค้า ค่าประกันภัย  ค่า   ระวางจากจุดส่งออก ณ ท่าเรือ ท่าอากาศยาน ไปสู่ท่าเรือท่าอากาศยานผู้ซื้อ

GSP = Genaralized System Of  Preferences
            ระบบสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากรเป็นการทั่วไป

GSTP = The Global System Of Trade Preferences Among Developing Countries

            ระบบสิทธิพิเศษทางการค้าระหว่างประเทศกำลังพัฒนา

BOI =  Board Of  Investment
            เขตส่งเสริมการลงทุน

OIC = Organization Of the Islamic Conference
            องค์การการประชุมอิสลาม

ISESCO = Islamic Educational,Scientific and Cultural Organization
        องค์การศึกษา วิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมอิสลา

AMED = Asia-Middel East Dialogue
        กรอบการหารือเอเชีย- ตะวันออกกลาง

ICA = International Co-operative Alliance
       องค์การสัมพันธภาพสหกรณ์ระหว่างประเทศ


http://www.gcc-sg.org/
http://www.dft.moc.go.th/
http://www.thaifactory.com/
http://www.wigipedia.org/

International Organization

IOM  =  Internaional Organization for Migration
              องค์กรระหว่างประเทศสำหรับการโยกย้าย
OICA = Internatonal Organization of Motor Vehiccle Manufacturers
              องค์กรระหว่างประเทศของมอเตอร์ผู้ผลิตยานยนต์